เรื่องย่อ: ในโลก β (Beta) ที่ โอคาเบะ รินทาโร่ กลับจากโลกที่ช่วย คุริสุ ไว้ไม่ได้ อยู่ในสภาพสิ้นหวัง ทิ้งภาพลักษณ์เดิมในแบบนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องของเขาไป และกลับไปใช้ชีวิตเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย จนเขาได้พบมาโฮรุ่นพี่ของคุริสุและ Amadeus ปัญญาประดิษฐ์ที่จำลองคุริสุไว้เหมือนจริงทุกประการ ในขณะที่องค์กรเบื้องหลังยังคงดำเนินการเปลี่ยนแปลงโลกตามเป้าหมายเดิม และสงครามโลกครั้งที่สามกำลังมาถึง
ภาคแรก – โอคาเบะ รินทาโร่ นักศึกษาผู้เรียกตนเองว่านักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง ฝันที่จะสร้างไทม์แมชชีนให้ได้ในสักวัน จนปลายกรกฎาคม 2010 เขาต้องมาพบกับสาวอัจฉริยะ คุริสุ ถูกแทงตาย เมื่อ โอคาเบะ ทดสอบเครื่องไมโครเวฟโทรศัพท์ ส่งผลให้เขาย้ายไปอยู่ในอีกโลกที่ คุริสุ ยังไม่ตาย (α (Alpha) Worldline) โอคาเบะ เพิ่มสมาชิกในกลุ่มอีกหลายคน รวมถึง คุริสุ จนสร้างเครื่อง ลีปแมชชีน ที่ใช้ส่งตนกลับสู่อดีตได้ (ไม่เกิน 2 วัน) และให้สมาชิกในกลุ่มใช้ D-Mail ส่งข้อความไปในอดีตซึ่งจะเกิดผลการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตซึ่งมีเพียง โอคาเบะ ที่ทราบจากความสามารถ “รีดดิ้งสไตเนอร์” ที่เชื่อว่าเกิดจากตอนเขาเคยเฉียดตายตอนเด็ก ทำให้เขาทราบสิ่งที่เกิดขึ้นจากโลกอื่นต่างจากคนทั่วไป แต่ผลการเปลี่ยนแปลงอดีตหลายครั้ง ทำให้องค์กรใหญ่ SERN ที่พัฒนาสร้างเครื่องมือย้อนเวลาหวังครองโลก ค้นพบกลุ่มของเขา จนเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับสมาชิก การย้อนอดีตเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นได้ วิธีเดียวที่จะแก้ไขอดีต เขาต้องย้อนกลับไปแก้ไข D-Mail ของสมาชิกแต่ละคนที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพื่อกลับไปสู่โลก β (Beta Worldline) ที่ซึ่งมีสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้รอเขาอยู่
Steins;Gate 0 ประกาศภาคเกมพร้อมกับภาคอนิเมะ ประกาศช่วงที่บริษัท 5pb ไลฟ์สตรีมในปี 2015 ซึ่งประกาศพร้อมข่าว ChäoS;Child ที่ได้ทำทีวีอนิเมะไปช่วงต้นปี 2017 เนื้อหาของภาค Zero จะรวม 3 บทของไลท์โนเวลกับมังงะกับดราม่าซีดี ที่เรียกว่า Epigraph Trilogy (Heiji Kyokusen no Epigraph, Eigou Kaiki no Pandora, Mugen Enten no Arutaeru) เข้าไว้ด้วยกัน เหตุการณ์ในโลก β (Beta) เปลี่ยนแปลงเนื้อหาอนิเมะภาคแรกตอนที่ 23 ของภาคเดิมและถือเป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการ
เกมวิชวลโนเวลแนวไซไฟ Steins;Gate พัฒนาโดย 5pb., Nitroplus วางจำหน่ายในปี 2009 บนเครื่อง XBox 360 และพอร์ตลงเครื่องอื่นในภายหลัง เนื้อหาอิงตาม จอห์น ไตเตอร์ (ผู้เดินทางข้ามเวลาจากปี 2036) และทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์หลายอย่าง มีทั้งมังงะ, ไลท์โนเวล, เกม และอีกหลายสื่อตามมาภายหลัง มีเกม Steins;Gate 0 ในปี 2015
ภาคอนิเมะมีหลายภาค ผลิตโดย White Fox
- Steins;Gate (TV, 2011) จำนวน 24 ตอน และ OVA 1 ตอน
- Steins;Gate Movie: Fuka Ryouiki no Déjà vu (Movie, 2013)
- Steins;Gate: Soumei Eichi no Cognitive Computing (ONA) อนิเมะสั้นภาคฉายผ่านเน็ต ร่วมกับทาง IBM จำนวน 4 ตอนจบ
- Steins;Gate: Kyoukaimenjou no Missing Link – Divide By Zero หรือ ภาคแรกตอนที่ 23 Beta Divergence (TV, 2015) ฉายทางทีวีในภาครีรัน โดยเปลี่ยนเนื้อหาตอนสุดท้าย (23 β) ให้เนื้อหาเชื่อมกับภาค Steins;Gate 0
ทีวีอนิเมะ Steins;Gate 0 ผลิตโดย White Fox เริ่มฉายทางโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นทุกคืนวันพุธ เริ่ม 11 เมษายน 2561 (Spring 2018) ทางช่อง Tokyo MX เวลา 23.35 น. ตามเวลาประเทศไทย (ฉายล่วงหน้าผ่าน Ameba TV เวลา 23.00 น.) ฉายจำนวน 23 ตอนจบ มีตอนพิเศษ 1 ตอนวางจำหน่ายพร้อมบลูเรย์และดีวีดี
ชื่ออื่น: シュタインズ・ゲート0(シュタインズ・ゲート ゼロ), สไตนส์;เกท ซีโร่
รวมเว็บดูอนิเมะ Steins;Gate ลิขสิทธิ์ในไทย
ตัวละครหลัก
โอคาเบะ รินทาโร่ / Okabe Rintarou
นักพากย์: Miyano Mamoru
ชายผู้คลั่งไคล้เรื่องการเดินทางข้ามเวลาจากเรื่องของ จอห์น ไทเทอร์ สร้างกลุ่มทดลองเป็นของตัวเอง เรียกตัวเองว่า “โฮโออิน เคียวมะ” สามารถจำเหตุการณ์ในโลกต่างๆ ได้จากความสามารถที่เขาเรียกว่า “รีดดิ้งสไตเนอร์”
ในภาค Zero หลังไม่สามารถช่วยคุริสุได้ อีกทั้งพบว่าตนเป็นคนฆ่าเธอ (เหตุการณ์ใน 23 β) ทำให้เขาอยู่ในสภาพสิ้นหวังหลายเดือน ไม่สนใจเรื่องการทดลองและกลับไปเรียนตามปกติ จนได้พบกับคุริสุในสภาพ A.I. ที่บันทึกไว้ก่อนเสียชีวิต ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไป
ชิอินะ มายูริ (มายูชี่) / Shiina Mayuri (Mayushii)
นักพากย์: Hanazawa Kana
เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของโอคาเบะ สมาชิกในกลุ่มทดลองของเขา สาวใสซื่อ มองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยรู้เรื่องที่พวกโอคาเบะทดลองมากนัก ชอบการคอสเพลย์และเป็นเพื่อนกับ ยูกิ ฟุบูกิ และ คาเอเดะ
ฮาชิดะ อิตารุ (ดารุ) / Hashida Itaru (Daru)
นักพากย์: Seki Tomokazu
สมาชิกในกลุ่มของโอคาเบะ แฮคเกอร์ที่มีความสามารถสูง ชอบวัฒนธรรมในย่านอากิบาฮาระ ทราบเรื่องสึซึฮะเป็นลูกสาวตน ถึงจะรู้ว่า ยูกิ เป็นว่าที่ภรรยาตน แต่กังวลเรื่องความรู้สึกเธอจึงไม่ค่อยเข้าหาเธอมากนัก สร้างความหนักใจให้กับสึซึฮะ
มาคิเสะ คุริสุ / Makise Kurisu
นักพากย์: Imai Asami
ตัวละครหลักในภาคแรก นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่มีความรู้และเข้าใจเรื่องของการย้อนเวลา เคยพบเธอถูกฆ่า (Beta) ก่อนที่โอคาเบะจะไปอยู่ในโลกที่เธอยังไม่ตาย (Alpha, เหตุการณ์ในภาค 1) ถูกโอคาเบะชวนเข้ากลุ่มทดลอง ช่วยเหลือเขาหลายครั้งในช่วงเดินทางข้ามเวิลด์ไลน์ต่างๆ แม้จะไม่มีความสามารถ รีดดิ้งสไตเนอร์ แบบโอคาเบะ แต่ฉลาดในการแก้ปัญหา โอคาเบะเรียกเธอว่า “คริสติน่า”
ในภาค Zero โอคาเบะไม่สามารถช่วยเธอไว้ได้ ภายหลังพวกโอคาเบะพบว่าเธอยังมี A.I. จำลองในห้องทดลองของมาโฮ จากเทคโนโลยี Amadeus ที่เก็บข้อมูลเธอไว้ก่อนเสียชีวิต ตอบสนองได้เหมือนตัวจริงแต่ไม่เคยพบโอคาเบะมาก่อน (ในโลก Beta ตัวจริงก็ไม่เคยพบโอคาเบะ)
คิริว โมเอกะ / Kiryuu Moeka
นักพากย์: Gotou Saori
สาวเงียบและไม่แสดงออกทางสีหน้า คุยผ่านมือถือ พิมพ์ไวมากจนโอคาเบะตั้งชื่อเธอว่า Shining Finger เบื้องหลังเป็นพวก Rounder ขององค์กรของ SERN ผู้สังหารมายูริเสียชีวิตในโลกของ Alpha ต้องการติดต่อกับ FB ผู้มีบุญคุณของเธอ แต่ไม่สามารถติดต่อเขาได้
ในภาค Zero ทำงานเป็น นักข่าวจากนิตยสาร ต้องการติดต่อกับพวกศาสตราจารย์ อเล็กซิส และได้คุยกับโอคาเบะในบางครั้ง
อุรุชิบาระ ลูกะ / Urushibara Luka
นักพากย์: Momoi Haruko
ลูกชายของผู้ดูแลศาลเจ้า ภายนอกเหมือนผู้หญิง มักถูกเรียกว่า “ลูกะโกะ”
ในภาค Zero รู้สึกว่าพวกโอคาเบะปิดบังเรื่องสำคัญบางอย่างกับตน และต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น
ฟาริส เนียนเนียน / Faris Nyan-nyan
นักพากย์: Momoi Haruko
สาวที่ทำงานในร้านเมดคาเฟ่ย่านอากิบาฮาระ ติดคำลงท้ายว่า เนียน ชื่อจริง อากิฮะ รูมิโฮะ (Akiha Rumiho)
อามาเนะ สึซึฮะ / Amane Suzuha
นักพากย์: Tamura Yukari
ลูกสาวของดารุที่เดินทางมาจากอนาคต ภารกิจเธอต้องการส่งโอคาเบะเข้าสู่เวิร์ดไลน์ปริศนาที่ถูกเรียกว่า “สไตน์เกท” ตามที่พ่อเธอในปี 2036 บอกไว้ เพื่อยุติสงครามที่ต้นตอมาจากเรื่องของไทม์แมชชีน
ในภาค Zero เธอล้มเหลวในการชวนโอคาเบะไม่ต้องการย้อนเวลาอีกหลัง ส่งผลให้สงครามโลกครั้งที่สามยังคงมีอยู่ เธอจึงอยู่ในปี 2010 โน้มน้าวให้โอคาเบะย้อนเวลาอีกครั้ง โกหกคนอื่นนอกจากพวกโอคาเบะว่าเป็นน้องสาวของดารุ ตอนปฏิบัติภารกิจในปี 1975 มีเหตุผลที่ต้องทิ้ง คาการิ ไว้ในปี 1998 และหาตัวเธอไม่พบ
ฮิยาโจ มาโฮ / Hiyajou Maho
นักพากย์: Yahagi Sayuri
รุ่นพี่และเพื่อนของคุริสุ รวมถึงเป็นคู่แข่ง สาวอัจฉริยะ เคยอยู่ในห้องทดลองเดียวกันในอเมริกา คุริสุได้ไอเดียสร้างเครื่องลีปแมชชีนจากงานวิจัยของมาโฮ เธอยังเป็นผู้ช่วยและล่ามของศาสตราจารย์อเล็กซิส สูงเท่าเด็กประถม ทำให้เข้าใจผิดบ่อยครั้ง หลังผ่านเหตุการณ์หลายอย่าง ให้ความช่วยเหลือพวกโอคาเบะที่ห้องทดลอง และเริ่มชอบเขามากขึ้นตามลำดับ
ชิอินะ คาการิ / Shiina Kagari
นักพากย์: Han Megumi
ลูกบุญธรรมของมายูริในปี 2036 อายุประมาณ 10 ขวบ (ในภาค 0) สูญเสียพ่อแม่ไปจากสงคราม เนื่องจากศัตรูบุกก่อนใช้ไทม์แมชชีนไปปฏิบัติภารกิจ ดารุและมายูชิจึงให้เธอหนีไปด้วยไทม์แมชชีนพร้อมสึซึฮะ เธอได้รับภารกิจช่วยค้นหาเครื่อง IBN5100 ตั้งแต่ปี 1975 จนในปี 1998 เธอต้องการแก้ไขอดีตเพื่อช่วยแม่ (มายูริ) ทำให้เกิดทะเลาะกับสึซึฮะ จนคาการิหายตัวไปนับแต่นั้น อายุ 22 ปีในปี 2010
อามาเนะ ยูกิ / Amane Yuki
นักพากย์: Tamura Yukari
เพื่อนคอสเพลย์ของมายูริ มองโลกในแง่ดีและไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็กน้อย นักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เป็นแม่ของสึซึฮะและภรรยาของดารุในอนาคต
เท็นโนจิ นาเอะ / Tennouji Nae
นักพากย์: Ayano Yamamoto
ลูกสาวของผู้ดูแลอพาร์ทเมนต์ ถนัด (และจริงจัง) เรื่องการทำความสะอาดบ้าน
นาคาเสะ คัตสึมิ (ฟุบูกิ) / Nakase Katsumi (Fubuki)
นักพากย์: Honda Mariko
เพื่อนคอสเพลย์ของมายูริ สาวลุคทอมบอยแบบนักกีฬา ร่าเริง ชื่อที่ใช้ตอนคอสเพลย์และในกลุ่ม คือ ฟุบูกิ
คุรุชิมะ คาเอเดะ / Kurushima Kaede
นักพากย์: Kino Hina
เพื่อนคอสเพลย์ของมายูริ ดูเป็นผู้ใหญ่และมีความรู้รอบด้าน
อเล็กซิส เลสคิเนน / Alexis Leskinen
นักพากย์: Ueda Youji
ศาสตรจารย์ชาย ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานระบบสมองจากอเมริกาเดินทางมาบรรยายที่ญี่ปุ่น มีมาโฮเป็นผู้ช่วย พูดจาเป็นมิตร ต้องการให้โอคาเบะช่วยทดสอบระบบ Amadeus โดยคุยกับ คุริสุ (A.I.)
จูดี้ เลเยส / Judy Reyes
นักพากย์: Nishimura Maya
ดร. หญิงที่รู้จักกับมาโฮ รู้จักกับ อเล็กซิส และ มาโฮ
ทีมงานหลัก
Director: Kenichi Kawamura (Qualidea Code, SoniAni)
Series Composition: Hanada Jukki (Sora yori mo Tooi Basho, Love Live!, Hibike! Euphonium)
Character Design: Tomoshige Inayoshi (Buddy Complex)
Original Creator: Shikura Chiyomaru (Planning), huke (Art)
Animation Production: White Fox
* Director / Character Design เปลี่ยนจากภาคแรก
เพลงประกอบ
OP: “Fatima” โดย Kanako Itou
ED: “Last Game” โดย Zwei
ข้อมูลเพิ่มเติม
เทียบระหว่าง 23 (2011) กับ 23β (2015)